สมัครรับข่าวสารจาก Chai Tour


    เยอรมัน ตลาดคริสต์มาสมาร์เก็ต

    เดินทาง : วันจันทร์ที่ 11- วันอังคารที่ 19 ธันวาคม 2566

    ค่าบริการ

    • ผู้ใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 10-14 ท่าน 173,000.- บาท
    • ผู้ใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 15 ท่าน 151,000.- บาท
    • พักเดี่ยวเพิ่ม 72,000.- บาท

    Rothenberg

    เมืองแห่งเทพนิยายแสนสวยบนเส้นทางสายโรแมนติก แห่งแคว้นบาวาเรีย

    Alsace

    เที่ยวหมู่บ้านสวย แห่งแคว้นอัลซาส Colmar, Ribeauvillé, Strasbourg, Kaysersberg

    Christmas Market

    เดินเที่ยวตลาดคริสต์มาสเทศกาลแห่งความสุขหลากหลายบรรยากาศ ที่ Rothenberg, Strasbourg, Ravenna gorge, Lucerne

    DAY 01 : จันทร์ที่ 11 ธันวาคม 2566 กรุงเทพฯ

    20.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบินไทย Row H/J  ประตูทางเข้าที่ 3 เจ้าหน้าที่ชัยทัวร์คอยอำนวยความสะดวก

    23.40 น. ออกเดินทางโดยเที่ยวบินที่ TG 920 (12.15 ชม. / Dinner, Breakfast)

    DAY 02 : อังคารที่ 12 ธันวาคม 2566 แฟรงค์เฟิร์ท – เวิร์ซบวร์ก – โรเทนเบิร์ก

    เมืองเวิร์ซบวร์ก (Wurzburg)
    เมืองเวิร์ซบวร์ก (Wurzburg)

    05.55 น. ถึงสนามบินแฟรงค์เฟิร์ท(Frankfurt) ประเทศเยอรมัน (Germany)  ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง

    07.00 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวิร์ซบวร์ก (Wurzburg) (122 กม. / 1.20 ชม.) จุดเริ่มต้นของเส้นทางสายโรแมนติก (Romantic Road หรือ Ramantische Strasse) นำท่านเข้าสู่ ย่านเมืองเก่า ซึ่งอดีตถูกทำลายลงใน สมัยสงครามโลกแต่ทางรัฐบาลเยอรมันได้ทำการบูรณะขึ้นมาใหม่ให้คงสภาพเดิมจวบจนปัจจุบัน พบร้านค้าเก่าแก่ที่มีตั้งแต่ปี ค.ศ.1576 และ มหาวิหารเซนต์คิลเลี่ยน (Dom St Kilian) ซึ่งสะท้อนสถาปัตยกรรมแบบเยอรมันโรมาเนสก์ในยุคศตวรรษที่ 11-12 ไว้ได้อย่างดีและมหาวิหารแห่งนี้ยังติดอันดับ 1 ใน 4 วิหารที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมันอีกด้วย

    Alte Mainbrücke Würzburg

    สะพานเก่าที่สร้างข้ามแม่น้ำไมน์ (Mine river) พบกับรูปปั้นนักบุญมากมายประดับอยู่ที่ขอบสะพาน หลายท่านอาจสงสัยว่าสะพานแห่งนี้ลักษณะคล้ายกับสะพานชาร์ลแห่งกรุงปรากอันโด่งดัง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะทั้งสองสะพานนี้สร้างในยุคใกล้เคียงกัน ไม่พลาดเก็บภาพอันน่าประทับใจโดยมี ป้อมมาเรียนเบิร์ก(Marienberg Fortress) เป็นฉากหลัง

    อาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

    เดินทางต่อสู่ เมืองโรเทนเบิร์ก (Rothenburg Ob Der Tauber) (64 กม. / 1 ชม.) เมืองโบราณในยุคกลางซึ่งโรแมนติกที่สุดในเยอรมัน ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองเก่า ที่เมื่อท่านก้าวผ่านห้วงเวลาได้ย้อนกลับไปสู่ศตวรรษที่ 16 ภายในบริเวณเขตเมืองเก่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนในยุคกลาง สไตล์ Half-Timberred ที่มีหน้าจั่วและหลังคาสีเเดง-ส้ม และถนนที่ปูด้วยหินตามแบบโบราณ ชมศาลาว่าการเมือง (Rathausturm – Altes Rathaus) ตั้งอยู่ในบริเวณจัตุรัส Marktplatz  ที่มีนาฬิกาอยู่ด้านหน้าอาคาร ให้ท่านชมบ้านเรือนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ซึ่งมีคำกล่าวไว้ว่า ถ้ามีเวลาเพียง 1 วันในเยอรมันท่านคงจะต้องเลือกเที่ยวเมืองโรเทนเบิร์กแห่งนี้

    Plönlein

    เป็นมุมที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันมากที่สุดจุดหนึ่ง จนกลายเป็นภาพสัญลักษณ์ของเมืองโรเธนเบิร์ก บ้านโครงไม้ซุงทรงสูงยาว เคียงคู่กับ หอคอย Sifter Makers ที่อยู่เยื้องไปด้านหลัง รายล้อมไปด้วยบ้านทรงโบราณสีสันสดใส ที่ตั้งไล่ระดับสูงต่ำอย่างลงตัว เป็นภาพในฝันของหลายคนที่ต้องการเดินทางมาเพื่อให้ได้เห็นด้วยตัวเอง

    18.00 น. เชิญท่านเดินชม ตลาดคริสต์มาสแห่งเมืองโรเทนเบิร์ก ที่จัดบริเวณ  Market Square และขยายไปยัง Herrengasse, Town Hall Gallery, Grüner Markt และ Kirchplatz  ท่านจะได้พบกับร้านรวงต่างๆ ที่ขายอาหารและเครื่องดื่มพื้นเมือง และยังมีของขวัญ ของที่ระลึก รวมถึงสินค้าแฮนด์เมคต่าง ๆ ที่ชาวเมืองนำออกมาจำหน่าย

    อาหารค่ำที่ภัตตาคาร 

    ที่พัก : Burg Hotel Rothenburg หรือเทียบเท่า

    DAY 03 : พุธที่ 13 ธันวาคม 2566 โรเทนเบิร์ก – สตุทท์การ์ท – บาเดน บาเดน

    อาหารเช้าที่โรงแรม

    09.00 น. เดินทางสู่ เมืองสตุทท์การ์ท (Stuttgart) (150 กม. / 2 ชม.) เป็นเมืองทางใต้ของประเทศเยอรมนี เป็นเมืองหลวงของรัฐบาเดิน-เวอร์ทเทิมแบร์ค สตุทท์การ์ทเป็นเมืองใหญ่อันดับหกของประเทศเยอรมนีตั้งอยู่บริเวณป่าดำ เป็นเมืองที่มี ธรรมชาติ เทคโนโลยี ประวัติศาสตร์ งานเทศกาล และศิลปะการแสดงทำให้สตุทท์การ์ทกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาค Baden-Württemberg ของเยอรมนี นำท่านชม จัตุรัสพระราชวัง (Schlossplatz) เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดของเมืองสตุทท์การ์ท (Stuttgart) เป็นศูนย์กลางของเมืองที่มีชีวิตชีวา สร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ. 1746 และค.ศ.1807 และยังเป็นที่ตั้งของพระราชวัง Neues Schloss เดิมถูกใช้เป็นลานสวนสนามทางทหารและไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปใช้ แต่ภายหลังถูกยกให้เป็นสาธารณะสมบัติ เมื่อกลางศตวรรษที่ 19 และได้กลายเป็นสวนสไตล์บาโรกที่ชาวเมืองสามารถใช้งานได้ ที่นี่เป็นลานจัดกิจกรรมกลางแจ้งที่สำคัญของเมือง เช่น งานคอนเสิร์ต งานแสดงสินค้าสำหรับเด็ก รวมถึงเป็น ลานสเก็ตน้ำแข็งกลางแจ้งในช่วงฤดูหนาวด้วย

    อาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

    เดินทางสู่ เมืองบาเดน-บาเดน (Baden Baden) (115 กม. / 1.20 ชม.) เมืองที่มีชื่อเสียงด้านน้ำแร่ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ในอดีตเคยเป็นที่รักษาโรคไขข้อของราชวงศ์มากมายในทวีปยุโรป และในการเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์ได้เคยประทับที่เมืองเป็นเวลาสามสัปดาห์ เพื่อรักษาพระวรกายนำท่านเข้าเช็คอิน ณ ที่พัก Maison Messmer Baden-Baden – Hommage Luxury Hotels Collection

    จากนั้นพาทุกท่านผ่อนคลายกับการอาบน้ำแร่ ณ Caracalla Spa & Sauna Area บนเนื้อที่กว่า 4,000 ตารางเมตร ที่บริเวณเชิงของเนินเขา  Florentine ในเมืองบาเดน บาเดน น้ำแร่จากน้ำพุ 12 แห่งที่อยู่บริเวณข้างใต้เนินเขา กำลังผุดพรายฟองอยู่ในสระน้ำ ซาวน่า และถ้ำขนาดเล็ก เพื่อช่วยปลุกกระตุ้นความสดชื่นและมอบความผ่อนคลายให้แก่ร่างกาย

    Caracalla Spa

    หย่อนกายใจคลายความเมื่อยล้าในน้ำอุ่นๆ จากน้ำพุร้อนธรรมชาติมีอุณหภูมิตั้งแต่ 18 ถึง 38°C มีทั้งสระว่ายน้ำในร่มขนาดใหญ่ใต้โดมอันสวยงาม มีน้ำอุ่นธรรมชาติ 34°C และสระว่ายน้ำกลางแจ้ง 2 สระ โดยสระใหญ่มีอุณหภูมิ 32°C สระเล็กมีอุณหภูมิ 35°C  ไฮไลท์พิเศษคือสระว่ายน้ำกลางแจ้งในฤดูหนาว แม้จะมีหิมะและอุณหภูมิอากาศเย็น คุณยังคงสามารถผ่อนคลายกลางแจ้งในน้ำอุ่นที่ร้อนได้ โดยจะมีไอน้ำลอยอยู่เหนือสระน้ำราวกับหมอกสีเงิน ทำให้พื้นที่กลางแจ้งมีบรรยากาศสวยงาม นอกจากนี้ท่านยังผ่อนคลายในห้องซาวน่า และสปาได้อีกด้วย

    อาหารค่ำที่ภัตตาคาร

    ที่พัก : Maison Messmer Baden-Baden – Hommage Luxury Hotels Collection (Classic Twin 24 ตรม.) หรือเทียบเท่า

    Maison Messmer Baden-Baden
    Maison Messmer Baden-Baden

    DAY 04 : พฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม 2566 บาเดน บาเดน – สตราสบูร์ก  

    อาหารเช้าที่โรงแรม

    10.00 น. นำท่านมุ่งสู่ เมืองสตราสบูร์ก (Starsbourg) แคว้นอัลซาส (Alsace) ประเทศฝรั่งเศส (60 กม. / 1 ชม.) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองมรดกโลกด้านมนุษยชาติขององค์การยูเนสโก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสภายุโรป สัญลักษณ์แห่งสันติภาพของโลกหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ให้ท่านได้ชื่นชม ย่านเมืองเก่า (La Petite France) ซึ่งเป็นศูนย์กลางเมือง เรียงรายด้วยบ้านไม้โบราณสไตล์อัลซาสที่สวยงาม ซึ่งทอดตัวเป็นภาพเงาสะท้อนในคลองตลอดถนน RUE DES MOULINS

    La Petite France

    Petite France หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า “Little France” เป็นย่านเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส ที่เกาะใหญ่ กร็องดีล (Grande Île) บนถนน Rue Des Moulins พื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำอิล (River III) ทั้งสี่ด้าน ซึ่งบริเวณนี้เรียงรายด้วยบ้านไม้โบราณสไตล์อัลซาสที่สวยงาม ทอดตัวเป็นภาพเงาสะท้อนในคลองตลอดถนน Rue Des Moulins เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญที่สุดของเมืองนี้

    อาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

    นำชม มหาวิหารแห่งสตราสบูร์ก (Cathedral Notre-Dame de Strasbourg) เป็นมหาวิหารแห่งแรกของฝรั่งเศสที่สร้างขึ้นมาในรูปแบบสไตล์โกธิค (Gothic) สถาปัตยกรรมจากยุคกลางแห่งนี้ได้รับการจดขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโกว่าเป็นมหาวิหารที่มีความสูงที่สุดในยุโรปแถบตะวันตกถือเป็นมหา วิหารแห่งพระแม่มารีย์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของนิกายโรมันคาทอลิก เป็นโบสถ์ที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 400 ปี สร้างจากหินทรายชมพูอมแดง วิหารนอร์ท-ดามสตราสบูร์ก มีความสูง 142 เมตร  กว้าง 51.50 เมตร และยาว 110 เมตร จัดเป็นวิหารที่สูงเป็นอันดับหกของโลกเลยทีเดียว

    จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเที่ยวเล่น ชม ตลาดคริสต์มาสสตราสบูร์ก (Strasbourg Christmas Market) ในแบบฉบับของแคว้นอัลซาสที่ผสมผสาน 2 วัฒนธรรม (เยอรมัน – ฝรั่งเศส) เข้าด้วยกัน

    Strasbourg Christmas Market

    ตลาดคริสต์มาสสตราสบูร์กเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งวันหยุด เพราะมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1570 ทำให้ที่นี่เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส ในแต่ละปีเมืองนี้เป็นที่รู้จักในนามเมืองหลวงแห่งคริสต์มาส จะสว่างไสวด้วยแสงไฟระยิบระยับและกระท่อมไม้ชวนฝันที่ขายทุกอย่างตั้งแต่ไวน์ท้องถิ่นไปจนถึง สินค้าช่างฝีมือ โดยจะมีตลาดประมาณ 12 แห่งกระจายอยู่ทั่วใจกลางเมือง ตั้งแต่จัตุรัส Place Kleber ไปจนถึง Petite France วันเปิดทำการคือวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 14.00-21.00 น. จากนั้นจะเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.30-21.00 น. และเปิดสุดท้ายในวันคริสต์มาสอีฟหรือวันที่ 24 ธันวาคม 2023 โดยจะปิดทำการเวลา 18.00 น.

    อาหารค่ำที่ภัตตาคาร

    ที่พัก : เมืองสตราสบูร์ก (พัก 2 คืน) หรือเทียบเท่า

    DAY 05 : ศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ท่องเที่ยวแคว้นอัลซาส    

    อาหารเช้าที่โรงแรม  

    นำท่านเดินทางสู่ เมืองกอลมาร์ (Colmar) (76 กม. / 1 ชม.) เมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจค้าไวน์ของ ฝรั่งเศส และเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยว เป็นเมืองที่ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมไว้ได้อย่างมาก ให้ท่านเดินชมย่านเมืองเก่ากอลมาร์ เป็นย่านที่มีฉายาว่า เวนิสน้อย (Little Venice) ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำ Lauch มีคลองเล็กๆ และมีบ้านไม้แบบเก่าแก่สไตล์เยอรมันโกธิคและเรเนสซองส์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองกอลมาร์ตั้งอยู่ด้วย

    อาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

    จากนั้นเดินทางไปยัง เมืองไคเซอร์สแบร์ก (Kaysersberg) (12 กม. / 20 นาที) เป็นหมู่บ้านที่สะท้อนถึงกลิ่นอายความคลาสสิกของยุคกลางได้เป็นอย่างดี ยิ่งประกอบกับสายน้ำในลำธารที่ไหลลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน รวมถึงขุนเขาที่ล้อมรอบก็ยิ่งทำให้มีบรรยากาศเหมือนหมู่บ้านในนิทาน ใครที่มาเยือน Kaysersberg ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายนไปจนถึงวันขึ้นปีใหม่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันคึกคักของเทศกาลคริสต์มาส ทั่วทั้งหมู่บ้านจะประดับประดาไปด้วยไฟระยิบระยับและของตกแต่งสุดน่ารัก

    จากนั้นเดินทางต่อสู่ เมืองริโบร์วิลเยร์ (Ribeauville) (12 กม. / 22 นาที) เมืองเล็กๆ ที่อยู่ในเขตพรมแดนของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในแคว้นอัลซาสซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสตราสบูร์ก โดยที่เมืองแห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงโบราณ ซึ่งภายในเมืองแห่งนี้ยังคงกลิ่นอายของเมืองในเขตประเทศยุโรปแบบยุคกลางได้เป็นอย่างดี

    จากนั้นเดินทางกลับ เมืองสตราสบูร์ก (68 กม. / 1 ชม.)

    อาหารค่ำที่ภัตตาคาร

    Alsace

    “แคว้นอาลซัส” (Alsace) เป็นหนึ่งใน 26 แคว้นของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนทางทิศตะวันออกของฝรั่งเศส และทิศตะวันตกของแม่น้ำไรน์ ติดกับประเทศเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน แต่ต่อมาฝรั่งเศสและเยอรมันผลัดกันครอบครองแคว้นนี้เรื่อยมา จนสุดท้ายได้อยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส ทำให้ที่นี่มีสองวัฒนธรรมที่ผสมผสานรวมกัน รวมถึงภาษาที่ใช้กันทั้ง 2 ภาษา ภาษายอรมันและภาษาฝรั่งเศส และมีเมืองหลวงของแคว้น คือเมือง “สตราสบูร์ก” (Strasbourg) อันเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

    DAY 06 : เสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2566 สตราสบูร์ก – ทิทิเซ่ – ไบรท์เนา   

    อาหารเช้าที่โรงแรม  

    เดินทางสู่ เขตป่าดำ (Black Forest) เขตป่าดำเป็นสถานที่พักผ่อนและปิกนิกยอดนิยมแห่งหนึ่งของชาวเยอรมัน ระหว่างทางชมความงามของต้นสนที่มีอยู่อย่างมากมาย เมื่อมองในระยะไกลจึงดูเหมือนสีดำอันเป็นชื่อของป่าในแถบนี้ เข้าสู่ เมืองทิทิเซ่ (Titisee) (126 กม. / 1.50 ชม.) เมืองตากอากาศที่สวยงาม ตั้งอยู่ใจกลางป่าดำ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในป่าดำ มีความยาว 2 กิโลเมตร และมีความกว้าง 700 เมตร ทะเลสาบแห่งนี้จะเต็มไปด้วยหมู่ต้นสน ต้นคริสต์มาสขึ้นกันหนาแน่นจนได้รับฉายาว่า Black Forest หรือป่าดำนั่นเอง เมืองนี้เป็นต้นกำเนิดสินค้าแฮนด์เมดอันเลื่องชื่อ “นาฬิกากุ๊กกู” (Cuckoo Clock) นาฬิกาที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ซึ่งแกะสลักมาจากไม้สนจากป่าดำ ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวทิทิเซ่อีกด้วย

    อาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

    จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองไบรท์เนา (Breitnau) เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของป่าดำ นำท่านเยี่ยมชมตลาดคริสต์มาสที่มีชื่อเสียงที่สุดในเขตป่าดำ  ถูกขนานนามว่า ตลาดคริสต์มาสในป่าสน (Ravenna gorge Christmas market)  (7 กม.) ซึ่งจะจัดชึ้นทุกสุดสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน  จัดขึ้นเพียง 4 สัปดาห์ก่อนถึงวันคริสต์มาสเท่านั้น โดยจัดขึ้นบริเวณ หุบเขา Ravenna มีบรรยากาศของหมู่บ้านกระท่อมไม้เล็ก ๆ มีร้านรวงต่างๆกว่า 40 ร้านที่นำสินค้าพื้นเมืองหัตถกรรม ของตกแต่งสำหรับเทศกาล ไวน์ท้องถิ่นและอื่นๆอีกมากมาย เบื้องหลังของตลาดแห่งนี้คือสะพานรถไฟสูงถึง 40 เมตร พร้อมแสงสีที่ทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศดุจฝันอันโรแมนติก  

    Ravenna Gorge

    ตลาดคริสต์มาส Ravenna Gorge หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Ravennaschlucht Weihnachtsmarkt” มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและยาวนานตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 แรกเริ่มเป็นเพียงการรวมตัวกันเล็กๆ ของพ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่น ต่อมาตลาดได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในแถบป่าดำ โดยปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ตลาดคริสต์มาส Ravenna Gorge แตกต่างจากที่อื่นๆ คือทำเลที่ตั้งของตลาดคือมีฉากหลังอันน่าทึ่งของ Ravenna Gorge และสะพานรถไฟ Höllental สูงตระหง่าน 40 เมตร โดยเมื่อรถไฟประจำภูมิภาคแล่นข้ามสะพานไปไฟรบูร์กหรือฮินเทอร์ซาร์เทิน ตลาดแห่งนี้สว่างไสวด้วยแสงไฟระยิบระยับนับไม่ถ้วน และเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่มีกระท่อมไม้ ต้นสนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และเสียงที่ผ่อนคลายของแม่น้ำราเวนนาที่อยู่ใกล้เคียง

    จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (Lucerne) (143 กม./ 2 ชม.) เป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสวิส  แวะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์สิงห์โตซึ่งแกะสลักอยู่บนหน้าผาของภูเขาในเมือง เป็นสัญลักษณ์ให้ระลึกถึงทหารรับจ้างชาวสวิส ซึ่งทำงานเป็นทหารรักษาพระองค์พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส ถ่ายรูปกับสะพานไม้คาเพล (Kapellbrucke) ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และมีชื่อเสียงที่สุดของลูเซิร์นเป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาคลุมตลอดทอดตัวข้ามแม่น้ำ “รุซซ์” (Reuss) อายุเก่าแก่กว่า 400 ปี และยังเป็นสัญลักษณ์ของสวิส

    อาหารค่ำที่ภัตตาคาร

    ที่พัก : Radisson Blu Hotel Lucerne (พัก 2 คืน) หรือเทียบเท่า

    DAY 07 : อาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2566 ลูเซิร์น – Mt.Titlis – ตลาดคริสต์มาสลูเซิร์น 

    อาหารเช้าที่โรงแรม  

    เดินทางสู่ เมืองแองเกลเบิร์ก (Engelberg City)  (35 กม. / 40 นาที) เพื่อขึ้นกระเช้าสู่ ยอดเขาทิตลิส (Mount Titlis) ซึ่งเป็นยอดเขาที่มีธารน้ำแข็งที่สูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ (ใช้เวลา 30 นาที กระเช้ามีบริการตลอด ตั้งแต่ 09.15 น. – 16.00 น.)  โดยยอดเขามีความสูงถึง 3,238 เมตร มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี มีจุดเด่นคือ Titlis Rotair กระเช้าไฟฟ้าหมุนได้ 360 องศา แห่งแรกของโลก ให้ท่านได้ชมวิวและถ่ายรูปได้อย่างเพลิดเพลิน บนยอดเขามีกิจกรรม Ice Flyer กระเช้านั่งห้อยขา ลานสกี และ Titlis Cliff Walk สะพานแขวนที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในยุโรป กระเช้าขึ้นยอดเขาทิตลิส มีกระเช้าทั้งหมด 3 ช่วง คือ ช่วงแรกเป็นกระเช้าแบบธรรมดา จากนั้นเปลี่ยนเป็นกอนโดล่าขนาดใหญ่ และช่วงสุดท้ายจะเป็นกระเช้า Titlis Rotair ที่จะพาขึ้นไปยังสถานียอดเขาทิตลิสที่มีระดับความสูง 3,020 เมตร จากระดับน้ำทะเล

    Mount Titlis

    อีกหนึ่งยอดเขาสวยสุดใจกลางสวิส เปิดบริการตลอดทั้งปี มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ทั้งช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน โดยไฮไลท์เป็นสะพานแขวน Cliff Walk ที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป ความสูง 3,041 เมตรจากระดับน้ำทะเล  มีกระเช้าลอยฟ้าหมุน 360 องศา แห่งแรกของโลก มีถ้ำ Glacier Cave หรือ ถ้ำธารน้ำแข็ง ความยาว 150 เมตร ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งอายุกว่า 5,000 ปีให้ชมด้วย

    อาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

    เดินทางกลับสู่ เมืองลูเซิร์น (Lucerne) ส่งท้ายทริปด้วยการเดินชม ตลาดคริสต์มาสที่เมืองลูเซิร์น เป็นอีกตลาดคริสต์มาสที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่ง มีการตกแต่งด้วยไฟกระพริบสีสันสดใส และร้านจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและร้านของที่ระลึกมากมาย โดยตลาดดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมจัดที่บริเวณ Franziskanerplatz  และ ที่ Lozärner Wiehnachtsmärt เป็นตลาดคริสต์มาสที่ตกแต่งเต็มไปด้วยร้านค้ากระท่อมไม้ จำหน่ายของขวัญงานหัตถกรรมและอาหารคริสต์มาสแบบดั้งเดิมอีกแห่งหนึ่ง

    ตลาดคริสต์มาสที่เมืองลูเซิร์น
    ตลาดคริสต์มาสที่เมืองลูเซิร์น

    อาหารค่ำที่ภัตตาคาร

    DAY 08 : จันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2566 ลูเซิร์น – ซูริค -กรุงเทพฯ

    อาหารเช้าที่โรงแรม

    09.30 น. นำท่านสู่สนามบินซูริค (67 กม. / 1 ชม. )

    13.15 น. ออกเดินทางโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 971 (10.55 ชม./ Lunch)

    DAY 09 : อังคารที่ 19 ธันวาคม 2566 กรุงเทพฯ

    06.15 น. ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

    ***กลับถึงบ้านด้วยความสนุกสนาน และประทับใจยิ่ง

    หมายเหตุ : กำหนดการนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามเหตุการณ์และความเหมาะสม

    อัตราค่าบริการ (ไม่รวมตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ)

    • ผู้ใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 10-14 ท่าน 173,000.- บาท
    • ผู้ใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 15 ท่าน 151,000.- บาท
    • พักเดี่ยวเพิ่ม 72,000.- บาท

    หมายเหตุ : ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศสายการบินไทย (TG)

    11 ธ.ค. 66 /TG 920/BKK – FRA/23.40 – 05.55+1

    18 ธ.ค. 66/TG 971/ZRH – BKK/13.15 – 06.15+1

    ชั้นทัศนาจร เริ่มต้นที่  52,000.- บาท / ชั้นธุรกิจ เริ่มต้นที่  138,000.- บาท

    อัตรานี้รวม

    1. ที่พักตามรายการ  (พักห้องละ 2 ท่าน)
    2. อาหารจัดเลี้ยงตามระบุในรายการ
    3. ค่าพาหนะนำเที่ยวโดยรถบัส 45 ที่นั่ง ปรับอากาศ พร้อมค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ตลอดรายการ
    4. ค่าธรรมเนียมวีซ่าเยอรมัน
    5. ประกันอุบัติเหตุการเดินทางในวงเงินท่านละ  2,000,000 บาท 
    6. มัคคุเทศก์จากชัยทัวร์ 1 ท่าน ดูแลตลอดการเดินทาง
    7. ค่าทิปพนักงานขับรถ และมัคคุเทศก์ท้องถิ่น

    อัตรานี้ไม่รวม

    1. ค่าหนังสือเดินทาง
    2. ค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศสายการบินไทย
    3. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ อาทิ กิจกรรมของโรงแรมที่มีการเก็บเงิน อาหาร เครื่องดื่มพิเศษ
    4. ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด ฯลฯ

    ติดต่อ : ซัง / ไปร์ท โทร. 0 2212 8431  ต่อ 123, 124

    จันทร์ – ศุกร์ เวลา  09.00 น. – 17.30 น.

    Line ID: @chaitour / www.chaitour.co.th